Gelling Agent คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

Gelling Agent หรือสารก่อเจลเป็นส่วนผสมสำคัญในอุตสาหกรรมอาหาร มีหน้าที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความข้นหนืดและคงรูปเป็นเจล บทความนี้เจาะลึกทุกประเด็นที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ สาร Gelling Agent ตั้งแต่ประเภท คุณสมบัติ การใช้งาน ไปจนถึงมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อช่วยทีม QA, R&D และฝ่ายจัดซื้อในโรงงานผลิตอาหารในประเทศไทย เลือกใช้สารก่อเจลได้อย่างมั่นใจ


 

ทำความเข้าใจสารก่อเจล (Gelling Agent)

 

สารก่อเจลคือวัตถุเจือปนอาหารที่ใช้เพื่อเปลี่ยนของเหลวให้เป็นของแข็งหรือกึ่งแข็งที่มีลักษณะเป็นเจล โดยการสร้างโครงข่ายสามมิติ (3D network) ของโมเลกุลที่สามารถดักจับน้ำไว้ได้ สารกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มเนื้อสัมผัส (texture) และความคงตัวให้กับผลิตภัณฑ์อาหาร

สารก่อเจลแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามแหล่งที่มาและคุณสมบัติทางเคมี:

  1. สารก่อเจลจากธรรมชาติ (Natural Gelling Agents)
    • สกัดจากพืช, สาหร่าย หรือจุลินทรีย์
    • ตัวอย่าง: เจลาติน (จากคอลลาเจนสัตว์), เพคติน (จากผลไม้), คาร์ราจีแนน (จากสาหร่าย), วุ้น (จากสาหร่าย) และ แซนแทนกัม (จากแบคทีเรีย)
    • ให้เจลที่มีลักษณะเฉพาะตัว เช่น เจลาตินให้เจลที่ละลายเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ส่วนวุ้นและคาร์ราจีแนนให้เจลที่คงรูปดีกว่า
  2. สารก่อเจลสังเคราะห์ (Synthetic Gelling Agents)
    • ผลิตจากกระบวนการทางเคมี
    • ให้เจลที่มีความเสถียรและควบคุมคุณสมบัติได้ง่ายกว่า
    • ตัวอย่าง: โซเดียมอัลจิเนต และ เมทิลเซลลูโลส

 

การประยุกต์ใช้ Gelling Agent ในอุตสาหกรรมอาหาร

 

สารก่อเจลถูกใช้ในอาหารหลากหลายประเภท เพื่อสร้างเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน:

  • ผลิตภัณฑ์ขนมหวาน: เยลลี่🍮, กัมมี่ และ มาร์ชแมลโลว์
  • ผลิตภัณฑ์นม: โยเกิร์ต, พุดดิ้ง และ ไอศกรีม
  • ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่: ไส้ขนม, แยม และ ซอสผลไม้
  • เนื้อสัตว์แปรรูป: ใช้เพื่อเพิ่มความคงตัวและเนื้อสัมผัสในผลิตภัณฑ์ เช่น ไส้กรอก

 

คุณสมบัติทางเทคนิคที่ควรพิจารณา

 

เมื่อต้องเลือกใช้ สารก่อเจล มีปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่:

  • ความแข็งแรงของเจล (Gel Strength): กำหนดความแน่นและคงรูปของเจล
  • อุณหภูมิการเกิดเจล (Gelling Temperature): จุดที่สารเริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นเจล ซึ่งสำคัญต่อกระบวนการผลิต
  • ความคงตัวต่อความร้อนและค่า pH: ส่งผลต่อความเสถียรของเจลระหว่างการแปรรูปและการเก็บรักษา
  • ความสามารถในการละลาย (Solubility): ช่วยให้สารก่อเจลผสมเข้ากับส่วนผสมได้อย่างสม่ำเสมอ
  • ความปลอดภัยและมาตรฐานการอนุญาต: ต้องเลือกสารก่อเจลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายและปลอดภัยต่อผู้บริโภค เช่น มาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย

 

การเลือกใช้ Gelling Agent อย่างเหมาะสม

 

การเลือกสารก่อเจลที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากชนิดของผลิตภัณฑ์, กระบวนการผลิต, และเนื้อสัมผัสสุดท้ายที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น

  • เพคติน เหมาะสำหรับ แยม และ เยลลี่ผลไม้ เนื่องจากทำปฏิกิริยากับน้ำตาลและกรด
  • คาร์ราจีแนน เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์นม เช่น พุดดิ้ง เพราะทำปฏิกิริยากับโปรตีนนม
  • วุ้น เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเนื้อสัมผัสที่แข็งและไม่ละลายในอุณหภูมิห้อง เช่น เยลลี่ หรือ วุ้นในน้ำเต้าหู้